ผู้เขียน https://www.longzanam.com
คีย์เวิร์ด ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ตารางคะแนนยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ฟุตบอลต่างประเทศ, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน, แอร์เบ ไลป์ซิก, ปารีส แชงต์ แชร์กแมง, อตาลันต้า, ชัคตาร์ โดเนสต์, ลิเวอร์พูล, คลับบรูช, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค
5 แมตช์ห้ามพลาดรับชม ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2020/21 นัดที่ 3
ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020/21 ในรอบแบ่งกลุ่มที่กำลังจะมาถึงครึ่งทางซึ่งก็คือ นัดที่ 3 จากการแข่งขัน 6 นัด หลังแข่งขันกันไป 2 เกม โดยทีมที่อยู่ในอันดับ 1 และอันดับ 2 จะได้คว้าตั๋วเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนอันดับ 3 ของแต่ละกลุ่มจะลงไปเล่นในศึก ยูโรปา ลีก ซึ่งอันดับ 1 และ 2 ของทั้ง 8 กลุ่มมีดังนี้ กลุ่ม A บาเยิร์น มิวนิค กับ แอตเลติโก มาดริด, กลุ่ม B ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค, กลุ่ม C แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เอฟซี ปอร์โต้, กลุ่ม D ลิเวอร์พูล กับ อตาลันต้า, กลุ่ม E เชลซี กับ เซบีย่า, กลุ่ม F ลาซิโอ กับ คลับ บรูช, กลุ่ม G บาร์เซโลน่า กับ ยูเวนตุส และกลุ่ม H แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
แน่นอนการแข่งขันเพิ่งผ่านไปเพียง 2 นัดเท่านั้น ตารางคะแนนในรอบแบ่งกลุ่มยังคงบอกอะไรได้ไม่ชัดนัก แต่ในนัดต่อไปที่เป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นครึ่งทางของรอบนี้ น่าจะทำให้ได้รู้ว่าทีมใดมีโอกาสเข้ารอบ ทีมใดหมดลุ้นไปแล้วได้ชัดเจนมากขึ้นหลังจบการแข่งขันในคืนพุธที่จะถึงนี้ มาดู 5 เกมนัดสำคัญ หรือนัดที่น่าสนใจศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ที่แฟนฟุตบอลห้ามพลาดการรับชม
1. เรอัล มาดริด vs อินเตอร์ มิลาน (วันที่ 4 พฤศจิกายน 63 เวลา 03.00)
เกมระหว่าง “ราชันชุดขาว” กับ “เนรัซซูรี่” คือเกมที่แฟนฟุตบอลห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นนัดตัดสินการเข้ารอบของทั้งสองทีมก็ว่าได้ มาลองไล่เรียง 2 นัดที่ผ่านในศึกแชมเปียนส์ลีก รวมถึงในเกมลีกของทั้ง 2 ทีมกันดู ฝั่งเจ้าบ้าน เรอัล มาดริด ใน UCL ในเกมแรกเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก ที่มีผู้เล่นใหญ่ติดโควิด-19 ถึง 10 คน แต่กลับโดนทีมจากยูเครนยิงไปถึง 3 ประตูในครึ่งเวลาแรก แม้ว่าจะยิงคืนมาได้ 2 ประตู แต่ก็แพ้ไป ส่วนเกมที่สอง เรอัล มาดริด โดน โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค นำก่อน 2 ประตูในครึ่งเวลาแรกเช่นกัน ก่อนจะได้ 2 ประตูกลับมาแบ่งแต้มในช่วงนาที 87 และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งการเสียไปถึง 5 ประตู ทำให้เห็นได้ชัดว่าแนวรับของ มาดริด กำลังมีปัญหา แต่ใน ลาลีกา ฟอร์มการเล่นของมาดริด แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะเก็บชัยชนะได้ 5 นัดจากการลงเล่น 6 เกม แต่ในเกมที่แพ้ดันไปแพ้น้องใหม่อย่าง กาดิซ ซีเอฟ ในสองเกมหลังสุดในลีก เรอัล มาดริด โชว์เกมรุกอันยอดเยี่ยม ไล่เอาชนะ บาร์เซโลน่า 3-1 และ ฮูเอสก้า 4-1 ในเกมกับ ฮูเอสก้า เอเดน อาซาร์ สลัดอาการบาดเจ็บมีชื่อทำประตูอีกครั้งในรอบปีกว่าๆ อีกด้วย
ฝั่ง อินเตอร์ มิลาน ฟอร์มโดยรวมอาจจะดูเหนือกว่าอยู่นิดหน่อย เพราะใน แชมเปียนส์ลีก เป็นการเก็บผลเสมอทั้งสองเกม และบุกไปเสมอ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ถึงในบ้านซึ่งเป็นที่รู้กันว่าการเล่นที่ยูเครนไม่ใช่งานง่ายนัก ส่วนใน กัลโช่ เซเรียอา แม้ว่าจะแพ้ เอซี มิลาน อริร่วมเมืองไป แต่เป็นการแพ้นัดเดียวจาก 6 นัดที่ลงเล่น ทำให้ “งูใหญ่” รั้งอันดับ 6 อยู่ในตอนนี้ ปัญหาหลักของอินเตอร์ ดูเหมือนจะเป็นการเล่นเกมรับ ที่เสียไปแล้วถึง 12 ประตูในทุกรายการ แต่ยังดีที่เกมรุกยังคมกริบ ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำอยู่ การเจอกันของสองทีมนี้นอกจากจะเป็นการปะทะกันของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน และอิตาลิแล้ว ยังส่งผลถึงการเข้ารอบต่อไปใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีกด้วย และที่สำคัญ ทั้งสองทีมนี้จะเจอกันในการแข่งขันเกมที่ 4 อีกด้วย
2. แอร์เบ ไลป์ซิก vs ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (วันที่ 5 พฤศจิกายน 63 เวลา 03.00)
การเจอกันของสองทีมนี้อาจจะเป็นการแย่งชิงตั๋วอันดับสองของกลุ่ม H ก็ว่าได้ เพราะทั้งคู่พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มา แต่ก็เก็บชัยชนะเหนือ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ทำให้มี 3 คะแนนเท่ากัน แต่แอร์เบ ไลป์ซิก ประตูได้เสียเป็นรองเพราะโดน แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่มมา 0-5 มาดูกันที่เจ้าบ้านก่อน ฟอร์มการเล่นของไลป์ซิก ใน บุนเดสลีกา ถือว่ายอดเยี่ยม เพราะเก็บชัยชนะ 5 จาก 6 เกมแรกได้ แถมยิงไปถึง 12 ประตู แต่หลังจากบุกแพ้ “ปีศาจแดง” ไลป์ซิก ยังคงเครื่องสะดุดต่อเนื่อง เพราะล่าสุดบุกไปแพ้ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 0-1 เป็นความพ่ายแพ้ 2 เกมติดต่อกัน แถมยังยิงประตูไม่ได้เลย และอันดับใน บุนเดสลีกา ร่วงลงมาอยู่ในอันดับ 3 เรียบร้อยแล้ว
ส่วนทีมเยือนอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หลังเริ่มต้นฤดูกาลนี้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเปิดหัว 2 เกมแรกด้วยการพ่ายแพ้ แต่ใน 2 นั้นนักเตะตัวหลักในทีมหลายคนไม่สามารถลงสนามได้จากสถานการณ์โควิด-19 แต่หลังจากตัวหลักกลับมาครบ เปแอสเช เอาชนะในลีกได้ 5 เกมติดต่อกัน และเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น ก่อนจะมาสะดุดพลิกแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่ทำให้ลูกทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ฟอร์มสะดุดต่อแต่อย่างใด พวกเขายังคงเดินหน้าคว้าชัยชนะ 3 เกมติดต่อกันโดยไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว ความกังวลของยอดทีมจากฝรั่งเศสน่าจะอยู่แค่เพียงอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักอย่าง เนย์มาร์, เมาโร อิคาร์ดี้ และ มาร์โก้ แวร์รัตติ 3 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากฟอร์มล่าสุด ผู้เล่นที่เหลือก็สามารถลงมาทดแทนการขาดหายของ 3 คนนี้ได้เป็นอย่างดี
เกมระหว่าง แอร์เบ ไลป์ซิก กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แม้ว่าจะเล่นกันที่ เร้ด บูลล์ อารีน่า หลังเหย้าของไลป์ซิก แต่ด้วยฟอร์มการเล่นโดยรวม เปแอสเช ดูจะได้เปรียบและน่าคว้าชัยชนะไปมากกว่าซึ่งหากปารีส เอาชนะได้ก็เป็นการตัดขา และเปิดโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของพวกเขาให้มากขึ้นอีกด้วย
3. อตาลันต้า vs ลิเวอร์พูล (วันที่ 4 พฤศจิกายน 63 เวลา 03.00)
มาดูกันที่ฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม เริ่มด้วย อตาลันต้า พวกเขาเปิดฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าชัยชนะ 3 เกมติดต่อกัน แต่หลังจากนั้นเก็บชัยได้เพียง 2 จาก 5 เกมล่าสุด จุดเด่นของ อตาลันต้า ยังคงเป็นเกมรุกที่ยอดเยี่ยมต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ตอนนี้พวกเขายิงไปแล้ว 23 ประตูจาก 8 เกม เฉลี่ยยิงเกมละเกือบ 3 ประตูเลยทีเดียว ด้วยเกมรุกที่โดดเด่น แต่เกมรับของ อตาลันต้า กลับเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข เพราะปีนี้พวกเขาเก็บคลีนชีทได้แค่เพียงเกมเดียวเท่านั้น ส่วน ลิเวอร์พูล ไม่ต้องพูดถึง “หงส์แดง” ยังรักษาความยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ปัญหาที่พวกเขาพบเจอคืออาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักโดยเฉพาะในแนวรับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่เจ็บปิดเทอมยาวไปแล้ว ส่วนผู้เล่นคนอื่นก็ไม่ฟิตเต็มถัง จนในเกมพรีเมียร์ลีกล่าสุด คล็อปป์ต้องส่งดาวรุ่งอย่าง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ลงมายืนปราการหลังตัวกลาง ทำให้ต้องมาวัดกันว่าแนวรับที่ไม่สมประกอบของ ลิเวอร์พูล จะหยุดเกมรุกอันร้อนแรงของ อตาลันต้า อยู่หรือไม่
เกมระหว่าง อตาลันต้า กับ ลิเวอร์พูล ผลลัพธ์สำคัญน่าจะอยู่ที่ฝั่งของอตาลันต้ามากกว่า ถ้าเกมนี้พวกเขาหยุดฟอร์มอันร้อนแรงของ “หงส์แดง” เอาไว้ได้ จะส่งผลให้อตาลันต้าทำแต้มเทียบเท่ากับจ่าฝูงโดยทันที และมีโอกาสแซงขึ้นนำด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า แต่ถ้าหากว่าพวกเขาพลาดแพ้ขึ้นมานอกจากจะส่งลิเวอร์พูล นำห่างไปเป็น 9 คะแนนแล้ว ทีมสุดยอดเกมรุกจากอิตาลี มีโอกาสที่จะโดน อาแจกซ์ ทำแต้มขึ้นมาเท่ากัน นั้นหมายความว่าพวกเขาจะต้องไล่บี้เก็บคะแนนแข่งกับแชมป์ลีกเนเธอร์แลนด์ต่อไปยันเกมสุดท้ายของรอบนี้
4. คลับบรูช vs โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (วันที่ 5 พฤศจิกายน 63 เวลา 03.00)
คลับ บรูช ก้าวข้ามยอดทีมจากเยอรมันขึ้นมาอยู่ในอันดับสองของตาราง พวกเขาบุกไปชนะ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และยันเสมอ ลาซิโอ เอาไว้ได้ ผลงานในลีกเบลเยี่ยมของพวกเขาดูจะดร็อปลงไปจากเดิมเล็กน้อย เพราะแพ้ไปแล้ว 3 เกม รั้งอันดับ 3 อยู่ในตอนนี้ ด้าน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่พลาดเปิดหัว ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ด้วยความพ่ายแพ้ แต่ผลงานโดยรวมของทีมดูดีมาก ในลีกพวกเขาแพ้ให้กับ เอฟซี เอาก์สบวร์ก 0-2 เกมเดียวเท่านั้น นอกนั้นชนะรวด และที่สำคัญชนะด้วยการเก็บคลีนชีททั้งหมด ทำแต้มเท่ากับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ 15 คะแนน แต่เป็นรองที่ประตูได้เสีย และถ้าพูดถึง “เสือเหลือง” กองหน้าที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เออร์ลิง เบราท์ ฮาลันท์ ที่ยิงไปแล้ว 8 ประตูจาก 9 เกมที่ลงสนามในฤดูกาลนี้ ที่สำคัญในฟุตบอลรายการยุโรปอย่าง แชมเปียนส์ลีก ฮาลันท์ ยังมีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมคือซัดไปแล้ว 12 ประตูจากการลงสนาม 10 เกมเท่านั้น
เกมนัดที่สามนัดนี้ ทุกสายตาคงจับจ้องไปที่ผลงานการเล่นของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มีชื่อชั้นดีกว่า คลับ บรูช อยู่พอสมควร และ ดอร์ทมุนด์ ต้องการคว้า 3 คะแนนเพื่อกลับมาลุ้นตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมให้ได้ หรือหวังเข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่มเลยด้วย
5. ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค vs โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (วันที่ 4 พฤศจิกายน 63 เวลา 00.55)
ด้วยชื่อชั้นของทั้งสองทีมหลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้น่ารับชมเท่าไหร่ แต่ด้วยสถานการณ์ในกลุ่ม B ในเวลานี้ คู่นี้คือคู่ที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเจอกันของอันดับ 1 และอันดับ 2 ของกลุ่ม ทั้งคู่ต้องการเก็บชัยชนะเพียงอย่างเดียวเพื่อโอกาสในการเข้ารอบต่อไปที่มากขึ้น ทางฝั่ง ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค โดยรวมแล้วผลงานในลีกของทีมไม่เป็นที่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก แม้จะยังไม่แพ้ใครในลีก แต่ก็หลุดเสมอไปถึง 4 เกม จนโดน ดินาโม เคียฟ แซงนำเป็นจ่าฝูงห่างถึง 4 คะแนน ส่วน โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ยกระดับฟอร์มการเล่นจากฤดูกาลที่แล้วขึ้นมาได้พอสมควร เพราะพวกเขาแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้นในทุกรายการ แต่หนักไปทางเสมอเสียส่วนใหญ่ ทำให้มองดูภาพรวมแล้ว 2 ทีมนี้มีฟอร์มการเล่นที่สูสีกัน
ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดนี้ ถ้า ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค เอาชนะไปได้ จะทำให้มี 7 แต้ม โอกาสเข้ารอบต่อไปค่อนข้างสูง เพราะใน 3 นัดที่เหลืองพวกเขาเก็บเพียง 3 คะแนนก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ผลที่ทั้งสองทีมไม่อยากให้เกิดที่สุดก็คือผลเสมอ เพราะจะกลายเป็นการตัดแต้มกันเอง และเปิดโอกาสให้ เรอัล มาดริด และ อินเตอร์ มิลาน ทำแต้มไล่จี้ขึ้นมามาง่ายขึ้น
ดู โปรแกรม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กลางสัปดาห์นี้ ที่นี่ คลิก
อัพเดทข่าวสารวงการกีฬาฟุตบอล ลงสนาม ลองสนาม นอกสนามนักเตะ บ้านบอล ผลบ้านบอล บอลวันนี้ บ้านบอล ตารางบอล ฟุตบอลอังกฤษ ฟุตบอลไทย บอลไทย บอลโลก บอลจักรวาล บอลญี่ปุ่น บอลอิตาลี ทุกบอลสนาม ทุกสนามบอล ลิเวอร์พูล เชลซี แมนยูฯ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาร์เซนอล แอสตันวิลลา เบิร์นลีย์ เอฟเวอร์ตัน ฟูลัม ลีดส์ยูไนเต็ด เลสเตอร์ซิตี้ นิวคลาสเซิลยูไนเต็ด เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด เซาแทมป์ตัน ทอตนัมฮอตสเปอร์ เวสบรอมมิชอัลเบียน เวสต์แฮมยูไนเต็ด ลูลเลอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ ผลบอล ผลฟุตบอลทั่วโลก พรีเมียร์ลีก ไทยลีก ฟุตบอลโลก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกและลีกดังอีกมากมาย อัพเดทสดใหม่ทุกวันจากสำนักข่าวต่างประเทศ รวมทั้ง ความรู้ขอบสนาม เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟุตบอล โพลต่างๆ ทั้งยังมีบทสัมภาษณ์นักเตะหรือโค้ช รวมไปถึงไฮไลต์การแข่งขัน ตอบโจทย์ทุกประเด็นสำหรับคอฟุตบอล เพื่อให้แฟนบอลไม่พลาดเกาะติดขอบสนามกันทุกสถานการณ์แบบทันท่วงที แบบวันต่อวัน ท่านจะได้รับข่าวสารกันไปเต็มๆได้ที่ LONGZANAM.COM
ติดตามเราเพื่ออัพเดทข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม
พร้อมทั้งลุ้นรับของขวัญมูลค่าสูงสุดกว่าสองหมื่นบาทฟรี! ติดตามเราตอนนี้เลย คลิก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- โปรแกรมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก กลางสัปดาห์นี้
- ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก : วิเคราะห์ฟอร์มสองทีมดังจาก แมนเชสเตอร์
- วิเคราะห์ฟอร์มการเล่น ลิเวอร์พูล VS อาแจ็กซ์
- ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก : วิเคราะห์การแข่งขัน หลังผ่านไป 2 เกม
- เทรนฟุตบอล ตามยุคสมัย พายอดทีมไปสู่แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
- สรุป ตารางคะแนนยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ล่าสุด