ผู้เขียน https://www.longzanam.com
คีย์เวิร์ด ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ฟุตบอลต่างประเทศ, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, วิเคราะห์บอล, ปารีส แชงต์ แชร์กแมง, แอร์เบ ไลป์ซิก, อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์
วงจรลูปนรกของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนเส้นทางในกลุ่มเอช รอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
กลุ่มนรกสุดโหด กับกลุ่มเอช ในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ใครจะอยู่ใครจะไป ในการแข่งขันนัดที่ 3 นี้ ต้องติดตาม ก่อนอื่นเรามาดูแต่ละทีมกันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ลูปนรก ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แม้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะถูกจับมาอยู่ในกลุ่มสุดหินของศึกการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่มีทั้งแชมป์ลีกฤดูกาลล่าสุดจากแดนน้ำหอมอย่าง ปารีส แชงต์ แชร์กแมง หรือ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ที่ผงาดขึ้นมาครองบัลลังค์ลีกสูงสุดจากแดนไก่งวง แถมยังมีทีมฟอร์มแรงจากเมืองเบียร์อย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก แต่กระนั้นพวกเขาก็โชว์ให้เห็นว่าพวกเขา “แกร่ง” เพียงใดเมื่อสามารถเก็บ 6 แต้มเต็มจากการแข่งขันสองนัดแรก แถมนัดที่ผ่านมาก็พึ่งโชว์คลาสด้วยการเปิดบ้านถล่มผู้มาเยือนจากเมืองเบียร์ซะเมาแอ๋กลับบ้านไม่ถูกด้วยสกอร์เน้นๆ 5-0
แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการที่นักเตะตัวเก่งอย่าง มาคัส แรชฟอร์ด ระเบิดแฮตทริกแรกในชีวิตการค้าแข้งได้สำเร็จ หลังจบนัดนั้นอะไรๆมันก็ดูดีไปเสียหมด นักเตะฟอร์มเริ่มกลับมา แผนการเล่นที่ดูดีมีอนาคต สปิริตในทีมที่ดูดีขึ้นราวกับว่าพวกเขาลืม “ฝันร้าย” ที่โดน สเปอร์ บุกมากระทำชำเราคาบ้านไป 1-6 ได้เสียที แต่ก็ดีใจไม่ถึงสัปดาห์เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเขากลับโดน อาร์เซนอล บุกมาสอนบอลถึงบ้าน ล้างอาถรรพ์ไร้ชัยที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไว้ที่ 14 ปีเสียอย่างนั้น
แฟนปิศาจแดงยุคนี้คงเข้าใจกันดีว่า “ลูปนรก” ของทีมได้กลับมาแล้วอีกครั้งนึง ขออธิบายสั้นๆสำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้เป็นแฟนของแมนยูฯ ถึงคำว่า “ลูปนรก” สักนิดก็แล้วกัน คำดังกล่าวถูกนำมาใช้ในช่วงที่ หลุยส์ ฟานกัลป์ ยังคุมบังเหียนแมนยูฯ อยู่ พวกเขามีสภาวะลุ่มๆดอนๆให้แฟนบอลได้ตื่นเต้นเสมอ ก็คือพวกเขาจะเริ่มเอาชนะคู่แข่งได้เมื่อโดนแฟนๆด่า ก่นสา โชว์ฟอร์มดีสาม-สี่นัด ก่อนเข้าสู่วงจรขาลงที่พร้อมแพ้ได้ทุกทีม โดยคำดังกล่าวได้หายไปในช่วง 2 ปีแรกของ มูริญโญ่ ก่อนจะกลับมาในฤดูกาลที่ 3 ที่หลังจากพาทีมคว้ารองแชมป์ลีกและบอลถ้วยได้สำเร็จ แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุนการเสริมทัพจากบอร์ดเสียเท่าไหร่ พอลงเตะก็แพ้สลับชนะรัวๆ จนในที่สุดเดอะ สเปเชียลวัน ก็มีอันต้องระเห็ดออกจากเมืองแมนเชสเตอร์
มีคนเคยกล่าวว่า บางวันพวกเขาสามารถเป็นทีมที่โครตเวิลด์คลาสที่บุกไล่ฆ่าทีมคู่แข่งอย่างไร้ซึ่งความปราณี แต่ขณะเดียวกันนั้นเองบางวันพวกเขาก็พร้อมที่จะแพ้ได้ทุกทีมเช่นกัน มันจึงทำให้แฟนบอลต่างพากันลุ้นเสียเหลือเกินว่าแมตท์ในวันพรุ่งนี้ที่ต้องลงเตะในฐานะทีมเยือนกับทีมแชมป์ลีกตุรกีทีมล่าสุดอย่างอีสตันบูล บาร์ซัคเฮียผลจะเป็นเช่นไร เพราะยามใดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอันต้องมาเยือนแดนไก่งวงทีใดมักจะเก็บผลการแข่งขันกลับไปได้ยากเสมอ เนื่องด้วยบรรยากาศของแฟนบอลตุรกีที่ส่งเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่งสร้างความกดดันให้ผู้มาเยือนจากต่างแดนได้เสมอ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ณ ปัจจุบันอาจจะพอทำให้แฟนผีบางส่วนเบาใจลงไปได้ อย่างน้อยก็ไร้ซึ่งเสียงเชียร์แฟนเจ้าถิ่น
แต่กระนั้นก็ยังประมาทไม่ได้เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของ อิสตันบูลฯ นั้นอยู่ในสภาวะที่จนตรอกเต็มที เพราะจากผลการแข่งขันสองนัดทีผ่านมาพวกเขาไม่สามารถเก็บแต้มได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว ซ้ำร้ายยังเบิกสกอร์แรกในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มไม่ได้อีกด้วย นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่ต้อง “มีแต้ม” ให้ได้ทุกนัดที่ลงเตะเพื่ออย่างน้อยจะได้ต่อลมหายใจในการแข่งขันบนถ้วยบิ๊กเอียร์ไปอีกสักนิด หรือไม่ก็ประตูถ้วยรองอย่าง ยูโรปาลีก ก็ยังพอมีหวังให้ได้ลุ้น เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงแพ้ไม่ได้
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ที่ทีมนึงกำลังเริ่มจะเข้าสู่ลูปนรก กับ อีกทีมหนึ่งที่กำลังจนตรอกกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต้องบอกว่าแมตท์นี้จะเป็นแมตท์สำคัญและน่าจับตามองมากอีกแมตท์นึงของคืนวันพุธเลยทีเดียวเชียว เพราะหากวันนั้นผลการแข่งขันเกิดพลิกล็อค ทีมเจ้าบ้านกลายเป็นฝ่ายกำชัยได้สำเร็จ คงไม่ต้องบอกละครับว่าสถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนถ้วยใบนี้จะสั่นคลอนเพียงใด เพราะหากพวกเขาแพ้ความได้เปรียบที่เก็บได้ 6 แต้มเต็มพร้อม 1 คลีนชีตจะไร้ค่าไปในทันทีหากอีกคู่หนึ่งมีผลแพ้ชนะ ทำให้พวกเขาต้องกลับไปอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แน่นอนว่ายังมีแมตท์ที่เหลือกับการต้องไปเจอกับสองทีมยักษ์ใหญ่ย่อมเก็บผลการแข่งขันไม่ง่าย มันอาจจะไม่หมู หรือ โชคดีเหมือนครั้งแรกก็เป็นได้ ยิ่งหากตอนสุดท้ายผลออกมาพวกเขาเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ยิ่งทำให้เส้นทางลุ้นแชมป์ยากขึ้นไปอีก เพราะต้องไปเจอของแข็งอย่างแชมป์กลุ่มอื่นๆ ยังไงเสียทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือผู้มีสถิติคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 100 นัดแรกได้ดีที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ซึ่งสถิติดังกล่าวเหนือกว่าบรมครูผู้ปลุกปั้นเขาอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสียอีด เขาจำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้เพื่อที่จะไม่ต้องไปเผชิญกับสถานการณ์ข้างต้นที่ได้กล่าวไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – อีสตันบูล บาร์ซัคเฮีย
มาถึงในส่วนของความพร้อมของทั้งสองทีมโดยจะขอเริ่มวิเคราะห์ วิจารณ์จากฝั่งเจ้าบ้านก่อน แฟนบอลชาวไทยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินกับชื่อ อีสตันบูล บาร์ซัคเฮีย แต่นี่คือทีมแชมป์ฤดูกาลล่าจากจากลีก ตุรกี มีนักเตะดังๆที่เราคุ้นชื่อกันมากมาย ทั้ง ราฟาเอล ดา ซิลวา อดีตเด็กปั้นของแมนยูฯ ที่นัดนี้น่าจะได้ลงเจอทีมเก่า, สเคอร์เทล, เมอร์เม็ด โทปาล หรือเด็มบ้า บา กองหน้าผู้ดับฝันเด็กหงส์มาแล้วทั่วโลกกับตำนาน “ลื่น” อันลือลั่น รวมถึงเคยเป็นสโมสรที่ตำนาอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาร์ เคยลงเล่นมาแล้ว โดยผลงาน 5 นัดหลังสุดก็ไม่ขี้เหร่เสียเท่าไหร่ ชนะ 3 แพ้ 2 นัดนี้น่าจะวางเด็มบ้า บาประสานงานกับวิสก้าคอยเล่นงานแนวรับที่เอาแน่เอานอนของทีมผู้มาเยือน
ในขณะเดียวกันทางฝั่งปีศาจแดงผู้มาเยือนนัดนี้น่าจะถึงเวลาของ “เอล มาทาดอร์” เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าป้ายแดงที่น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงเคียงข้างกับนักเตะหน้าใหม่จากช่วงซัมเมอร์อย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ที่นัดก่อนกับ ไลป์ซิก ที่เจ้าตัวได้ลงวาดลวดลายบนพื้นหญ้าร่วมหนึ่งชั่วโมง แต่ดูเหมือนจะยังปรับจังหวะไม่ค่อยได้ มีส่วนร่วมกับเกมส์น้อยไปหน่อย แถมยังจ่ายเสียเยอะ คิดว่าคงแย่งพื้นที่ตัวจริงในลีค จาก บรูโน่ เฟอร์นันเดส ได้ยาก แต่นี่ถือเป็นโอกาสดี กับคู่แข่งที่ชื่อชั้นเป็นรองน่าจะได้เห็นชัดขึ้นว่าดาวเตะดัทต์แมนจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้หรือไม่
ส่วนรายของ อเล็กซ์ เทลเลส นั้นน่าจะหมดสิทธิ์ลงสนามแน่นอนแล้วเนื่องจากเจ้าตัวถูกตรวจพบเชื่อโควิด-19 จึงน่าจะเป็นโอกาสของ ชอว์ ที่ได้ยึดพื้นที่นี้อย่างแน่นอนหากไม่มีอะไรผิดพลาดเชื่อว่าจากชื่อชั้น และตัวผู้เล่นทีมดังจากเมือง แมนเชสเตอร์ น่าจะเป็นฝ่ายเฉือนชนะไปได้และยึดพื้นที่จ่าฝูงกลุ่มเอชต่อไปอีกสัปดาห์ แต่กระนั้นก็อย่าประเมินสูงเกินไป เพราะแมนยูฯทุกวันนี้ไม่ได้คงเส้นคงวาเหมือนเมื่อก่อน บทจะดีก็ดีใจหายคว่ำทีมที่เหนือกว่ามาแล้วมากมาย แต่บทจะแย่ก็แย่เข้าขั้นห่วยเป็นวงจรเช่นนี้ตลอดสองปีที่ผ่านมา